วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558
On 07:51 by EForL in จัดอับมหาวิทยาลัย2015 No comments
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกฉบับล่าสุด
ปี 2015
ที่ดำเนินการโดย QS เพิ่งประกาศออกมาสด ๆ ร้อนนี้ปรากฏว่า อันดับหนึ่งถึงสิบของโลก
ส่วนใหญ่ก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำเดิม ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก
เพียงแต่อาจจะสลับอันดับกันไปมาบ้าง
แต่ผลที่น่าสนใจ
ในปีนี้คือการผงาดของมหาวิทยาลัยในเอเซียที่เข้าสู่อันดับโลกได้มากขึ้น
โดยอันดับหนึ่งของเอเซีย ได้แก่
มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ อยู่ในอันดับที่ 12 (ปีก่อนอยู่อันดับที่ 22) จะเห็นว่าอันดับดังกล่าวนี้
สูงกว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อมาเก่าแก่ของโลกหลายมหาวิทยาลัย เช่น Yale, John Hopkins, Cornell, U
Penn หรือแม้แต่ UC Berkley และ UCLA
เท่านั้นยังไม่พอมหาวิทยาลัยคู่แฝดในสิงคโปร์
ได้แก่ Nanyan University of Technology ตามติดเข้ามาเป็นอันดับที่
13
โดยมีคะแนนห่างกันไม่ถึง 1 คะแนน
คราวนี้มาดูมหาวิทยาลัยของไทย
ในจำนวน 8
มหาวิทยาลัยที่ QS นำเข้าสู่การจัดอันดับ
ปรากฏว่าในปีนี้อันดับของเราถอยต่ำลงทุกมหาวิทยาลัย ในขณะที่สิงคโปร์ขึ้น 10 อันดับ
ไทยเรากลับลดลง 10 อันดับ เช่นกัน
โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ถือเป็นอันดับหนึ่งของไทย
จากปีที่แล้วที่อยู่ที่อันดับ 243 ปีนี้ลดลงไปเป็น 253
มหาวิทยาลัยมหิดล ปีที่แล้วอยู่ที่ 257 ปีนี้ขยับลงไปเป็น 295 ตามมาด้วย
เชียงใหม่ ธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ ขอนแก่น พระจอมเกล้าธนบุรี และ สงขลานครินทร์
ตามลำดับ
ข้อมูลเหล่านี้
สะท้อนให้เห็นว่าเรายังอ่อนแอในเรื่องของระบบการศึกษาอยู่มาก
รัฐบาลชุดไหนเข้ามาบริหารประเทศถ้าไม่ตั้งใจแก้ปัญหาเรื่องระบบการศึกษาอย่างจริงจัง
(แก้ปัญหาอย่างเข้าใจจริงๆ) ก็ยากที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญทัดเทียมกับชาติต่างๆได้
เพราะการศึกษาที่ดี
คือการสร้างบุคลากรที่ประกอบเป็นทุนมนุษย์เพื่อเข้าสู่สนามอาชีพโดยตรง
รวมทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการสร้างทุนทางปัญญาและนวัตกรรมให้แก่ชาติ
ถ้าระบบการศึกษาของไทยเรายังอ่อนแอหรือตกต่ำอยู่เช่นนี้ ก็จะสะท้อนถึงคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ที่ชาติเรามีว่าไม่อาจจะสู้ชาติอื่นๆ
ได้ รวมทั้งฉายภาพให้เห็นถึงความรู้ที่อ่อนด้อย ไม่เอื้อให้เกิดศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้ชาติไทยเราก็จะกลายเป็นผู้บริโภคนวัตกรรมที่สร้างโดยผู้อื่น
อันหมายความว่าขนเงินออกไปให้คนอื่นเขานั่นเอง
ที่จริงความตกต่ำของมหาวิทยาลัยในระดับอุดมศึกษาเป็นปัญหาปลายเหตุ
ปัญหาต้นเหตุอยู่ที่
1. ครอบครัวของเด็กแต่ละคน
ครอบครัวไหนที่มีทัศนะที่ว่า
"การศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้" ก็จะส่งเสริมให้ลูกของตัวเองให้ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีตั้งแต่ยังเด็ก
แล้วกับเอาใจใส่ดูแลส่งเสริมให้ได้เรียนจนถึงที่สุด
ถึงแม้ว่าบางครอบครัวจะมีฐานะความเป็นอยู่ไม่สมบูรณ์พร้อม
แต่ก็ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาของลูกตัวเองเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง
ตรงกันข้ามถ้าครอบครัวไหนไม่ให้ความสนใจเรื่องการศึกษาของลูกตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก
ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นปัญหาของลูก
ถ้าลูกตัวเองมีนิสัยใฝ่เรียนก็ดีไปแต่ไม่ได้ส่งเสริมอะไรเป็นพิเศษ
แต่ถ้าลูกไม่ใฝ่เรียนก็ปล่อยไปตามยถากรรม เด็กกลุ่มนี้เมื่อโตขึ้นมาก็เรียนไม่ทันเพื่อน
กลายเป็นคนมีป่มด้อยขาดความมั่นใจ พอจะเข้ามหาวิทลัยก็ไม่รู้ว่าตัวเองถนัดหรือชอบด้านไหนเป็นพิเศษเลยเลือกเรียนตามเพื่อน
สุดท้ายแม้เรียนจบก็กลายเป็นคนไร้ศักยภาพ
2.
ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศเรา
ก็มีความอ่อนแออันเป็นที่ปรากฏชัด ไม่ว่าจะแสดงออกมาในผลการสอบ PISA (Programme for International
Student Assessment) ที่เอาคะแนนจากผู้เข้าสอบ 65 ประเทศ โดยการสุ่มตัวอย่างจากเด็กอายุ
15 ปี จำนวน 5 พันคน
มาทำการสอบวัดความรู้ ผลปรากฏว่าไทยเราอยู่อันดับในกลุ่มรั้งท้าย คือประมาณอันดับที่
50
ที่น่าตกใจและตื่นเต้น คือ
ผลการสอบวิชาวิทยาศาสตร์ในการสอบครั้งล่าสุดเมื่อปี 2012 เด็กเวียดนามสอบได้เป็นที่
8 ของโลก
ขณะที่เด็กไทยได้เป็นที่ 48
ผลการสอบนี้ดูจะสอดคล้องกับที่เราจัดสอบเองด้วย เช่น การสอบ ONET ที่เกิดปรากฏการณ์
"สอบตกทั้งประเทศ" ซ้ำแล้วซ้ำอีก จากโรงเรียนประมาณ 4
หมื่นกว่าโรงเรียนที่สังกัด สพฐ. มีโรงเรียนที่สอบได้คะแนนเกินครึ่งอยู่เพียง 2
พันกว่าโรงเรียน เท่านั้นเอง ซึ่งแสดงว่าโรงเรียนส่วนใหญ่ 3
หมื่นกว่าโรงเรียนสอบตกหมด
ถ้าเราไม่พัฒนาการศึกษาของเรา
ชาติไทยน่าจะไปไม่รอด และขณะนี้หมดเวลาที่จะรอแล้ว
การปฏิรูปการศึกษาที่ท่องกันจนเป็นคาถาแต่ไม่มีรูปธรรม หรือแม้แต่ความตั้งใจที่ทำก็ยังไม่มี
แล้วอย่างนี้จะหวังให้ประเทศของเราเจริญไปข้างหน้าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
Cr. ดร.ภาวิช ทองโรจน์
อ้างอิงข้อมูลจาก : QS World University Rankings 2015
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
เสียงเพรียกแห่งธรรม
บทความยอดนิยม
-
เช็คแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่ เช็คสั่งจ่ายตามสั่ง (Order cheque), แคชเชียร์เช็ค เช็คของขวัญ และเช็คสำหรับผู้เดินทาง 1. เช็คสั่งจ่ายต...
-
ประโยคนี้คงเป็นวลีเด็ดในช่วงนี้ แต่ถ้าไม่ใช้คำนี้ก็ไม่รู้จะใช้คำไหน เพราะบ้านเมืองตอนนี้กำลังเข้าสู่ยุคมืด หรือกำลังถอยหลังลงคลองแล้วจริง ๆ...
-
จรรยาบรรณสื่อสารมวลชนสากล 23 ข้อ ประกอบด้วย 1. ต้องกระทำตนให้อยู่ในขอบเขตของความเหมาะสม มีกริยาดี 2. ไม่สร้างข่าวขึ้นเอง 3. ต้องเสนอข้อเท็จ...
-
จรรยาบรรณ เป็นจริยธรรมพื้นฐานของอาชีพต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกใบนี้ เช่นจรรยาบรรณของอาชีพครู ต้องรักและเมตตาศิษย์โดยให้เอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริ...
-
กฎหมายเป็นสถาบันหนึ่งภายในระบบสังคม มีหน้าที่ในการควบคุมให้สังคมดำเนินไปอย่างสงบสุข กฎหมายในฐานะที่มีหน้าที่ในการควบคุมสังคมโดยการวางแผน...
-
โทนี่ เฟอร์นานเดส ซีอีโอของแอร์เอเชียขึ้นเวทีเพื่อแบ่งปันเคล็ดคลับความสำเร็จในการทำให้แบรนด์เติบโตและเป็นที่รู้จัก หลังจากที่เขาเริ่มธุรกิจ...
-
คุณธนพ เอี่ยมอมรพันธ์ เป็นนักธุรกิจค้าเพชรและนาฬิกาแบรนด์หรู แล้วยังเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนตัวจริง ได้เปิดเผยในเวที โพสต์ทูเดย์ อิ...
-
บัตร ATM คือบัตรที่ใช้สำหรับกดเงินสดจากบัญชีออมทรัพย์ผ่านตู้เอทีเอ็ม บัตรเดบิต เหมือนกับบัตรเอทีเอ็ม แต่สามารถใช้รูดซื้อส...
-
คุณครูท่านหนึ่งเล่าเรื่องโจ๊กให้นักเรียนฟังก่อนเลิกเรียนว่า.. มีคนไข้ประจำคนหนึ่ง มาหาหมอคนเดิมเป็นเวลาหลายปี จนส่งเสียให้ลูกเรีย...
-
มนุษย์ทุกคนในใบโลกนี้ต้องใช้ปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต เมื่อต้องใช้ก็ต้องหา ในยุคแรก นั้นมนุษย์หาเช้ากินค่ำ (ไม่ต้องวางแผนชีวิต) เพราะทรัพยากร...
บทความทั้งหมด
- มิถุนายน 2016 (1)
- พฤษภาคม 2016 (1)
- เมษายน 2016 (1)
- มีนาคม 2016 (1)
- กุมภาพันธ์ 2016 (2)
- พฤศจิกายน 2015 (1)
- ตุลาคม 2015 (1)
- สิงหาคม 2015 (1)
- กรกฎาคม 2015 (1)
- มิถุนายน 2015 (3)
- พฤษภาคม 2015 (2)
- กุมภาพันธ์ 2015 (3)
สถิติผู้เข้าชม
ติดตามผู้เขียน
ฟอร์มรายชื่อติดต่อ
ติดตามที่ Facebook
Tags
- กฎหมาย ( 1 )
- การบริหารเงิน ( 1 )
- การใช้เงิน ( 1 )
- จรรยาบรรณสื่อ ( 1 )
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น