วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประโยคนี้คงเป็นวลีเด็ดในช่วงนี้ แต่ถ้าไม่ใช้คำนี้ก็ไม่รู้จะใช้คำไหน เพราะบ้านเมืองตอนนี้กำลังเข้าสู่ยุคมืด หรือกำลังถอยหลังลงคลองแล้วจริง ๆ
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ การระเบิดในครั้งนี้ไม่ใช้อุบัติเหตุ แต่เป็นการก่อการร้ายซึ่งไม่ใช้พวกฝีมือระดับปลายแถวแน่นอน
มาดูที่ความเสียหาย ที่ร้ายแรงที่สุดคือจำนวนผู้เสียชีวิต(ไม่อาจสรุปได้เพราะมาหลายกระแสเหลือเกิน) เรื่องนี้ไม่อาจประเมินค่าได้
ต่อมาคือเรื่องความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ซึ่งหลังจากปฏิวัติเรื่องความเชื่อมั่นในประเทศไทยมีน้อยอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ยิ่งน้อยหนักเข้าไปอีก
ถามว่าประเทศเราเสียความเชื่อมั่นแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ
- ไม่มีใครกล้ามาลงทุนกับเรา แม้มีประเทศที่กล้าบ้าบิ่นมาลงทุนกับเราเขาก็ไม่มีทุนเพราะ ไม่มีธนาคารไหนแบกรับความเสี่ยงปล่อยให้เขากู้
- ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการเตรียมปิดกิจการได้เลย
เพียงแค่สองประการนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนก็หงายท้องแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวันที่18 สิงหาคม ตรวจสอบดูอัตราการแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยอ่อนค่ามาก เว็ป Yahoo ถึงกับออกข่าวว่าเงินบาทไทยอ่อนค่ามากที่สุดในรอบหกปี (ปี2555 อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ที่ 30 บาท / 1 ดอลลาร์)





เรื่องการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทไม่ใช้เรื่องไกลตัวนะครับขอบอก ลองคิดง่าย ๆ ทุกวันนี้มีใครไม่เดินทางโดยใช้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์บ้าง
ยานพาหนะเหล่านี้ไม่ได้กินน้ำคลองนะครับ มันกินน้ำมันซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องนำเข้า ถ้าเงินบาทอ่อนนั้นหมายความว่า เราต้องจ่ายเงินบาทเยอะกว่าเดินแต่ได้น้ำมันเท่าเดิม แล้วจะเกิดอะไรขึ้น กรณีนี้ถ้าเงินสำรองของประเทศเรามีเยอะและรัฐช่วยค้ำเอาไว้ก็ได้ใช้น้ำมันภายในประเทศเท่าเดิมหรือสูงขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าไม่เตรียมซื้อจักรยานปั่นไปทำงานได้เลย เท่าที่ได้ติดตามข่าวช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทราบว่ารัฐบาล คสช. ใช้งบประมาณของปี2558 ไปแล้ว 2 ล้าน 4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 79.5 ของงบทั้งหมด (อ่านข่าวในVoice Tv) นั้นก็หมายความว่าผลอาจจะออกมาแบบที่สอง คือได้ใช้น้ำมันในราคาสูงขึ้นแน่นอน เมื่อน้ำมันสูงขึ้นจะเกิดปัญหาอะไรต่อไปผมไม่ยากจะคิดแล้ว


เมื่อมันเป็นอย่างนี้ จะไม่ให้ผมสงสัยได้อย่างไรว่า “ประเทศเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”