วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

On 01:04 by EForL   No comments
ปัจจุบันทัศนะคติของคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าถือฤกษ์ในการเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ แตกต่างกัน

ในทางพระพุทธศาสนาจริงๆแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้หลักฤกษ์ยามไว้อย่างไร ?
พระไตรปิกฎเล่มที่๒๐ หน้า ๒๗๘ ได้บันทึกพระธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ว่า

"คนใดทำดีทางกาย วาจา ใจ ในเวลาเช้า เช้าวันนั้นย่อมเป็นเช้าที่ดีของคนนั้น. คนใดทำดีทางกาย วาจา ใจ ในเวลาบ่าย บ่ายวันนั้นย่อมเป็นบ่ายที่ดีของคนนั้น แม้ในทีสุดคนใดทำดีทางกาย วาจา ใจ ในเวลาเย็น เย็นวันนั้นย่อมเป็นเย็นที่ดีของคนนั้น "

สรุปแล้ฤกษ์ที่ดีที่สุด คือฤกษ์ที่เราพร้อมจะทำความดีทั้งทางกาย วาจา ใจ ต่อบุคคลที่อยู่รอบข้างของเรานั้นเอง 

มาทำความดีกันนะครับ

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

On 02:44 by EForL in    No comments
ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักวิธีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ การดำเนินชีวิตของมนุษย์ในยุคนั้นเป็นเหมือนกันคือ ใช้เวลาทั้งวันเพื่อหาอาหาร เมื่อได้อาหารแล้ว วิธีการปรุงแต่งอาหารก็ยังไม่มีเพราะความหิว ได้ตรงไหนก็กินตรงนั้น อย่างดีอาจมีการทำอาหารให้สุขบ้าง
ครั้นเมื่อมนุษย์เริ่มอยู่รวมกันเป็นสังคม มีการสร้างที่อยู่อาศัย ก็เริ่มรู้จักวิธีเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เอาไว้ในการดำรงชีพ ทำให้ลดเวลาในการแสวงหาปัจจัยสี่ มีเวลาว่างสำหรับศึกษาเล่าเรียน 
และสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ จนมีสิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นมาอย่างมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ และมีการพัฒนาขึ้นมาตามลำดับ ตามยุคสมัยจนมาถึงปัจจุบัน

ในปัจจุบันมีบางประเทศแม้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตให้หมดไปกับการแสวงหาปัจจัยสี่เพื่อดำรงชีวิต แหล่งหาเงินมีอยู่ตรงไหน? ก็ไปกระจุกตัวอยู่ ณ ที่ตรงนั้น 
จนเกิดความแอดอัด มีความเป็นอยู่แบบสุข ๆ ดิบ ๆ เช่นว่า อาหารการกินต้องสะดวกรวดเร็ว 
รสชาติหรือความสะอาดปลอดภัยไม่ต้องคำนึงถึง คนรอบข้างจะเป็นอย่างไรไม่สนขอเพียงเรารอดก็พอ นี้เป็นลักษณะของการดำเนินชีวิตที่เกิดขึ้นจริงในยุคปัจจุบัน




สภาพสังคมที่บีบให้มนุษย์ต้องเป็นเช่นนี้ เกิดจากแนวคิดทุนนิยม คือมีทุนมากก็ทำได้มาก การที่จะมีทุนมากก็ต้องผลิตและขายของให้ได้มากๆ จากแนวคิดนี้เอง ทำให้เกิดการผลิตในรูปแบบของโรงงาน 
ซึ่งในยุคแรกต้องทำงานด้วยกำลังคนเป็นหลัก ต่อมาได้พัฒนามาเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ทั้งคนและเครื่องจักร ยิ่งผลิตได้มากก็ยิ่งได้ทุนมาก แต่ในขณะเดียวกันการที่จะผลิตของได้มากนั้นมันต้องใช้วัตถุดิบมาก ต้องใช้กำลังคนในการผลิตมากด้วยเช่นกัน ปัญหาที่เกิดตามก็คือการขาดวัตถุดิบและขาดแรงงาน
วิธีแก้ปัญหาในยุคแรกๆ ก็คือ การล้าอาณานิคมเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบ และการใช้อำนาจทางกฎหมายเข้ายึดครองที่ดินทำให้เกษตรกรไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง สุดท้ายต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อเข้าไปหางานทำที่เขตอุตสาหกรรม เมื่อมีคนเข้าทำงานในระบบงานอุตสาหกรรม ปัญหาที่ตามคือ
- เกิดชนชั้นใหม่ 2 ชนชั้น คือ ชนชั้นนายทุนและชนชั้นกรรมกร 
- เกิดปัญหาเรื่องอัตราค้าจ้าง
-  เกิดปัญหาการใช้แรงงานเด็กและสตรีเพื่อลดต้นทุน
- เกิดปัญหาทางด้านสุขอนามัยในโรงงาน ฯลฯ
ปัญหาเหล่านี้นายทุนไม่ได้ให้ความสนใจจริง ๆ หรอก สนใจแต่เพียงว่าต้นทุนและกำไรของโรงงานจะเป็นอย่างไรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดการรวมกลุ่มเป็นสหภาพแรงงาน เพื่อเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ที่ผู้ใช้แรงงานจะพึ่งมีพึ่งได้ และวันแรงงานก็เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องนั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบแรงกายและเวลาที่เสียไปกับการทำงานให้แก่เหล่านายทุน